แบบทดสอบความแข็งแกร่งของร่างกาย

  1. แบบทดสอบความแข็งแกร่งของร่างกาย

    null
    เรื่องของสุขภาพ ใครบ้างไม่สนใจ ดังนั้น อีแมกกาซีนจึงขอชวนทุกท่านมาร่วมทดสอบความแข็งแรงของตนเองกับแบบข้อสังเกตุง่ายๆ ที่จะทำให้รู้ว่า คุณมีสุขภาพดีเพียงใด
    1. กระดูกแข็งแรง ชีวิตก็พร้อม
    ตามธรรมชาติ ผู้หญิงเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุนมากกว่าผู้ชาย แต่วิถีชีวิตของผู้หญิงปัจจุบันยิ่งทำให้กระดูกต้องรับภาระหนักขึ้น จากหลายสาเหตุ…
    • ลักษณะของการทำงานหลักๆ คือนั่งทำงานที่โต๊ะ โดยไม่มีกิจกรรมเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถ หรือให้ร่างกายได้เคลื่อนไหว
    • มวลกระดูกเริ่มลดลงเมื่อก้าวเข้าสู่วัย 30
    • ภาวะการตั้งครรภ์ทำให้ต้องการแคลเซียมมากกว่าปกติ 20-60 เท่าเพื่อสร้างกระดูกทารกและน้ำนม
    • เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน โดย 1 ใน 4 ของผู้หญิงวัยนี้มีปัญหากระดูกพรุน
    สัญญาณเตือนภัยของกระดูก
    • ปวดตามกระดูกที่รับน้ำหนัก เช่น กระดูกสันหลัง กระดูกสะโพก หรือปวดข้อ
    • น้ำหนักตัวน้อยและรูปร่างผอมบาง
    • หมดประจำเดือนเร็ว หรือตัดรังไข่
    • กินโปรตีนจากสัตว์ อาหารหวาน-เค็มจัด และคาเฟอีนมากเกิน ซึ่งทำให้แคลเซียมในเลือดไม่สมดุล จึงต้องดึงแคลเซียมจากกระดูกทดแทน
    เคล็ดลับพิทักษ์กระดูก
    รอจนให้มวลกระดูกลดลงก็สายเสียแล้ว ดังนั้น เราควรมาเริ่มปกป้องกระดูกของเราตั้งแต่วันนี้กันเถอะ เพียงดื่มนมที่มีแคลเซียมและวิตามินดีสูงเป็นประจำ หรือ รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น ปลาตัวเล็ก งา ใบยอ ยอดแค ลดโปรตีนจากสัตว์ อาหารเค็ม-หวาน กาแฟ-เครื่องดื่มคาเฟอีน ออกกำลังกายวันละประมาณ 30 นาที              และสัมผัสแดดช่วงเช้า (8.30-10.30 น.) วันละประมาณ 20 นาที เพื่อให้ร่างกายได้สังเคราะห์วิตามิน D เพื่อช่วยในการดูดซึมแคลเซียม
    นอกจากนี้ WHI (Women’s Health Initiative) สหรัฐอเมริกา ได้แนะให้รับประทานแคลเซียมอย่างน้อยวันละ 1,000-1,500 มิลลิกรัม ร่วมกับวิตามินดี 400-800 IU เพื่อป้องกันกระดูกผุและกระดูกหัก
    null
    Tip:  ก้ม-แอ่น-เอียง-บิด โยคะทุกวันเพื่อกระดูกแข็งแรง
    เพื่อความแข็งแรงของกระดูกแบบองค์รวม ควรออกกำลังกายด้วยการเคลื่อนไหวกระดูกสันหลังให้ครบ 4 ทิศทาง…ก้ม-แอ่น-เอียง-บิด ด้วยท่าโยคะแบบง่ายๆ วันละอย่างน้อย 30 นาที โดยก้ม-ท่าจากหัวถึงเข่า แอ่น-ท่างู จากนั้น เอียง-ท่ากงล้อ บิด-ท่าบิดหลัง
    1. 2.       สายตาคมชัด ชีวิตก็พร้อม
    คอมพิวเตอร์ สื่ออิเลกทรอนิกส์ ฝุ่น ควัน แสงแดด เครื่องปรับอากาศในสำนักงาน ล้วนเป็นตัวการทำลาย “ดวงตา” หน้าต่างมองโลกของคุณให้แห้ง พร่ามัว และมืดมิด
    สัญญาณเตือนภัยของสายตา
    • มีอาการตาแดง ตาพร่า ตามัว ตาเมื่อยล้า ปวดตา มีอาการตาแห้ง เคืองตา ทำให้ต้องกระพริบตาบ่อย
    • ปวดศีรษะ อ่านหนังสือไม่ชัดเมื่ออายุมากขึ้น
    อาหารบำรุงตา
    ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทยแนะนำให้กินอาหาร 5 หมู่อย่างครบถ้วนหลากหลาย พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกาย เพื่อป้องกันโรคสายตา
    Tip:  ผ่อนคลายดวงตาด้วยตัวเอง
    นวดคลึงเบาๆ รอบดวงตาและบริหารดวงตาด้วยการกวาดสายตามองเป็นวงกลม 5-6 รอบ ใช้นิ้วแตะที่หัวตาแล้วคลึงเบาๆ จากนั้น แช่ผ้าขนหนูผืนเล็กในน้ำเย็น บิดพอหมาด วางปิดดวงตาทั้งสองข้างนานประมาณ 20 นาที หรือจนกว่าผ้าจะหายเย็นแล้วเปลี่ยนผ้าเย็นผืนใหม่
    อาหารบำรุงสายตา
    อาหารที่ดีต่อสายตานั้นควร อุดมไปด้วยวิตามิน A วิตามิน E วิตามินซี ลูทีน ซีแซนทีน ช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาไม่ให้ถูกทำลาย ดื่มนมที่มีวิตามินเอและลูทีน ผักใบเขียวและผักผลไม้สีเข้มที่มีลูทีนและซีแซนทีน เช่น ปวยเล้ง บรอคโคลี องุ่นแดง หอมแดง มะเขือม่วง ไข่แดง มีลูทีนและซีแซนทีนที่ร่างกายดูดซึมง่าย นอกจากนี้ ถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดธัญพืช มีวิตามิน E ก็ดีเช่นกัน
    1. 3.       สมองเฉียบแหลม ชีวิตก็พร้อม
    อาหารและวิถีการดำเนินชีวิต ช่วยให้สมองปลอดโปร่งแจ่มใส ยับยั้งอาการสมองเสื่อมก่อนวัยอันควร
    สัญญาณเตือนภัยอาการทางสมอง
    หลงๆ ลืมๆ เป็นประจำ อารมณ์ บุคลิกภาพ และพฤติกรรมเปลี่ยนไป ชอบอยู่นิ่งๆ ขาดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
    null
    สุดยอดอาหารสมองใส 
    • นมที่มีวิตามินบี 12 และโอเมก้า 3 อาหารเช้าที่มีคุณค่าทำให้ความจำและสมาธิดี
    • ผักและผลไม้ที่มีวิตามิน E และวิตามิน C ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อม เช่น มะเขือเทศ แครอท ผักขม กะหล่ำปลี บรอคโคลี ไข่ มีสารอาหารโคลีน มีส่วนช่วยในเรื่องการจำ
    • ปลาทะเลและปลาน้ำจืดที่มีโอเมก้า 3 ช่วยให้สมองเจริญเติบโต
    • เส้นใยจากธัญพืช ทำให้ปริมาณน้ำตาลที่เข้าสู่สมองไม่แปรปรวน สมองไม่เหนื่อยล้า
    Tips ฝึกสมองให้เฉียบแหลม
    ฝึกสมาธิหรือโยคะประจำวันเพื่อให้สมองรู้ตื่นและเบิกบาน
    ฝึกคิดเลขหรือเกมลับสมอง เช่น ซูโดกุ เป็นนิจ
    หากิจกรรมแปลกใหม่ท้าทายทำอยู่เสมอ
    ลิขสิทธิ์บทความของ e-magazine.info

นโยบายพรรควัยรุ่นไทยของ แทค ภรัณยู

http://www.e-magazine.info/site/wp-content/uploads/2013/01/600.jpg
สร้างความฮือฮาได้ไม่น้อยสำหรับโปรเจคขำๆ ของพิธีกรหนุ่ม “แทค ภรัณยู” ที่เจ้าตัวคิดขึ้นมาเพื่อเอาใจแฟนๆ ในอินสตาแกรม กับการจัดตั้งพรรคการเมืองภายใต้ชื่อ “วัยรุ่นไทย” ซึ่งหนุ่มแทคนั้นก็ได้ร่างนโยบายเพื่อสังคมออกมาทั้งหมด 14ข้อ ดังนี้…
1. เราจะตั้งวันสำคัญของพี่น้องชาวนาวันนึงเพื่อให้กำลังใจพวกเค้าเพราะชาวนาคือกระดูกสันหลังของชาติ “ไม่ใช่คนที่มีอำนาจมากดขี่”
2. เราจะเพิ่มเงินเดือนราชการ เช่น ครู ตำรวจ ทหาร พยาบาล เป็นต้น เพื่อให้สมกับการรับใช้ประเทศ
3. อันนี้ต้องทำเลย เพิ่มเงินเดือนผู้สูงอายุ เพราะให้น้อยมาก กินอาทิตย์นึงก็หมดแล้ว
4. สามารถให้ประชาชน วัยรุ่นไทย ตรวจสอบเงินภาษีที่เราจ่ายไปว่าเอาไปทำอะไรบ้าง
5. จะตีเส้นถนนรถจักรยาน ให้จักรยานเท่านั้น วัยรุ่นไทย หรือ คนที่ขี่จักรยานจะได้ไม่ประสบอุบัติเหตุ
6. อันนี้เพื่อควาปลอดภัยคนที่ขึ้นแท็กซี่ และแท็กซี่เอง เราจะออกกฎให้รถทุกคันติดแผ่นใสพลาสติกระหว่างที่นั่งกับคนขับ จะได้ปลอดภัย คนขับก็จะไม่ถูกปาดคอ คนนั่งจะได้ไม่ถูกจี้ หรือ ข่มขืน
7. เด็กทุกคนที่กำลังเรียนจะต้องศึกษาประวัติของประเทศไทย ความเป็นมา และเข้าใจวันสำคัญของประเทศว่ากว่าจะเป็นประเทศไทยมันยากขนาดไหน และต้องเสียเลือดเท่าไหร่
8. ทุกปีต้องมีวัน วัยรุ่นไทย เพื่อที่ให้เค้ามาแสดงออก เต้น ร้อง เล่น โชว์ จะได้ให้ผู้ใหญ่เข้าใจและเข้าถึงวัยรุ่นบ้าง
9. เราเป็นเมืองท่องเที่ยวใช่ไหม และเดี๋ยวนี้ทุกคนทุกเชื้อชาติเปิดใจกันหมดแล้ว เราจะให้มีงาน เกย์ ทอม ดี้ กะเทยแสดงออกบ้าง เราจะมีงานคานิเวิล และประชาสัมพันธ์ให้คนมาเที่ยวเมืองไทย รับรองว่ามีคนมาเยอะแน่ เพราะประเทศเราเป็นคนที่ยิ้มง่าย และสามารถแต่งงานกันได้
10. ตอนอนุบาลเราต้องใส่ชุดไทยทุกวันศุกร์ เราเลยคิดว่าวันศุกร์จะให้คนแต่งชุดไทยกัน แต่ไม่ต้องใส่เสื้อผ้าที่มันร้อนๆ ให้ใส่พวกคอกระเช้า คงน่ารักและสาวๆ จะไดสวยแบบไทยๆ
11. ผมจะได้เซนเซอร์ทำภาพเบลอกับทีวี การ์ตูน ละคร หนัง และเปิดโอกาสให้สื่อทุกประเภท (ยกเว้นหนังติดเรท)
12. ใครค้ายา จับได้ให้เสพยานั้นจนตาย ส่วนใครข่มขืน จับตัดอวัยวะเพศให้เป็ดกินต่อหน้า
13. เราจะซื้อเครื่องป้องกันให้กับคนที่เดินสายไฟฟ้า คนเก็บขยะ คนลอกท่อ จะได้ไม่เกิดอันตราย เพราะเป็นงานที่เสี่ยงแท้
14. ข้อนี้ไม่อยากให้เกิดแต่ต้องเขียน เพราะคือเรื่องจริง ใครที่พลาดท้องและเรียนอยู่ ม.ต้น หรือ ม.ปลาย สามารถเรียนต่อได้แต่ต้องเป็นเวลาพิเศษ สมมุติว่าใกล้คลอดก็หยุดได้และพอสมบูรณ์ก็กลับมาเรียนต่อได้ แต่ไม่อยากให้เกิดขึ้นนะเป็นห่วง
ร่างนโยบายซะชัดเจนขนาดนี้ เห็นทีลงสมัครเมื่อไหร่สาวๆ ทั่วประเทศคงเทหัวใจให้หัวหน้าพรรคอย่างล้นหลามแน่นอน!!
ที่มาของข่าว : sanook.com

Art in paradise สวรรค์งานศิลป์ 3 มิติ


http://www.e-magazine.info/site/wp-content/uploads/2012/11/artinparadise3.jpg
“ไปพัทยากันเถอะ”
สมาชิกแก๊งเที่ยวออกปากชวนให้ไปเยี่ยม “ถิ่นเก่า” ที่เราน่าจะไปกันทุกปีตั้งแต่จำความได้ โดยเฉพาะในจังหวะที่อยากเที่ยวเหลือเกินแต่ไม่รู้จะไปไหน บวกกับความที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ พัทยาก็เลยเป็นเหมือนแหล่งปลดปล่อยอารมณ์ในวันหยุดที่ยังพอจะพึ่งพิงได้ แม้การไปเยือนบ่อยครั้งจะมีอารมณ์เบื่อๆ อยากๆ ไปบ้างก็ตาม
แก๊งเพื่อนบอกว่าตอนนี้ที่พัทยากำลังมีสถานที่ซึ่งกำลังเทรนดี้มากๆ แห่งใหม่ ไม่ใช่ทะเล ไม่ใช่ไนท์ไลฟ์ แต่เป็น “พิพิธภัณฑ์”และเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ฮอตมากๆ ยิ่งในวันหยุดแล้วแทบจะเรียกได้ว่าแน่นไปด้วยผู้คนแทบทุกตารางนิ้ว จะเป็นอื่นใดไปไม่ได้นอกจากพิพิธภัณฑ์ “Art In Paradise” พิพิธภัณฑ์ศิลปะ 3 มิติเปิดใหม่ใหญ่โตอลังการ ของดีของเมืองพัทยาที่เรียกนักท่องเที่ยวให้แวะมาเยี่ยมชมของเล่นใหม่ทางสายตาได้เป็นอย่างมากในตอนนี้
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้โอ่อ่าโอ่โถงอยู่ภายในตัวอาคารบนพื้นที่กว่า 5,800 ตารางเมตร สร้างสรรค์ขึ้นจากอดีตที่เคยเป็นดิสโก้เธคชื่อดัง พัทยา พัลลาเดียม ที่ปิดตัวลงไป และได้ผู้บริหารโครงการชาวเกาหลีคือ คุณ ชินแจยอล พร้อมหุ้นส่วนนับ 10 ชีวิต ลงขันร่วมกันเปิดพิพิธภัณฑ์จัดแสดงศิลปะแห่งนี้ขึ้น ใช้เงินลงทุนไปร่วมๆ 50 ล้านบาท ระดมฝีมือศิลปินชาวเกาหลีมาละเลงฝีแปรง สรรค์สร้างจิตรกรรมที่ให้มุมมอง 3 มิติแปลกใหม่เป็นครั้งแรกในเมืองไทย และหวังจะให้เป็นแลนด์มาร์คทางศิลปะแนวใหม่เพื่อคนไทยในอนาคตอีกด้วย
http://www.e-magazine.info/site/wp-content/uploads/2012/11/artinparadise2.jpg
เหตุผลที่คุณชินแจยอลเลือกพลิกฟื้นอาคารเธคเก่าที่ถูกปล่อยร้างให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ เพราะตัวเขานั้นผูกพันกับศิลปะมาก เคยร่ำเรียนมาทางด้านออกแบบจากมหาวิทยาลัยฮงอิกในเกาหลีใต้ เรียกว่าคร่ำหวอดกับศิลปะมาเกือบทั้งชีวิต แต่ความตั้งใจเดิมของการสร้างโปรเจคท์พิพิธภัณฑ์ในพัทยานั้นกลับไม่ใช่ Art In Paradise เพราะในตอนแรกนั้น คุณชินได้เสนอโปรเจคท์ พัทยา เลิฟ แลนด์ หรือพิพิธภัณฑ์เพศศึกษาในพัทยาด้วยรูปแบบประติมากรรมสนุกขำขัน ต่อเนื่องจาก เชจู เลิฟ แลนด์ (Jeju Love Land) พิพิธภัณฑ์เพศศึกษาที่เขาเคยบริหารเมื่อครั้งยังอยู่ที่เกาหลี แต่โปรเจคท์นั้นไม่ผ่านการพิจารณาจากทางพัทยาและการท่องเที่ยวฯ จึงกลับมาเสนอไอเดียใหม่ในโปรเจคท์งานจิตรกรรม 3 มิติ หวังเปิดโลกทัศน์นักท่องเที่ยวชาวไทย ก็ปรากฏว่าสร้างเสียงตอบรับจากผู้เข้าชมงานได้เป็นอย่างมากตั้งแต่เริ่มเปิดตัวพิพิธภัณฑ์ใหม่ๆ เลยทีเดียว ถือว่าคุณชินนั้นกลับลำได้ทัน และตั้งโจทย์-ตอบโจทย์พิพิธภัณฑ์สมัยใหม่ได้ถูกทาง
ความเก๋ไก๋ของการจัดแสดงภาพจิตรกรรม 3 มิติ ทั้งภาพวาดและภาพถ่ายนี้ ใครที่เคยเห็นจากต่างประเทศก็คงจะทราบดีว่าเป็นการแสดงงานศิลปะที่มีความเป็น interactive art นั่นก็คือผู้ชมสามารถมีส่วนร่วมกับไปกับจินตนาการของผลงานได้จากภาพจิตรกรรมระนาบเดียว แต่อาศัยการลงสีสร้างแสงเงา เสมือนภาพนั้นๆ มีมิตินูนสูงขึ้นมา และเมื่อเราลองจัดวางท่าทางให้คล้อยตามกับภาพ ก็จะเกิดมุมมองแบบภาพ 3 มิติ ที่ชวนให้เกิดบรรยากาศแปลกใหม่ ทำให้จินตนาการกลายเป็นเรื่องสนุกขึ้นมาได้ทันที แม้แต่หลายๆ คนที่ไปไปเยี่ยมชมมาแล้ว ยังบอกว่า สีสันแบบนี้ทำให้การทัวร์พิพิธภัณฑ์นั้นสนุกกว่าการเยี่ยมชมความงามแบบเดิมๆ ที่ไม่สามารถจับต้องหรือเล่นสนุกได้ ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ต่างมุมมองกันไปของนักท่องเที่ยวผู้มาเยี่ยมชม
โซนจัดแสดงของ Art In Paradise นั้น แบ่งออกเป็นห้องๆ จำนวน 10 ห้อง เหตุที่ต้องจัดแบ่งเป็นห้องเพราะเขาใช้พื้นที่บนผนังกำแพงเป็นที่จัดแสดง และขนาดของภาพก็ใหญ่โตได้ใจ โดยเฉพาะการนำเสนอในแต่ละห้องก็จะมีหลากหลายคนเซปท์ต่างกันไป ทำให้ผู้เข้าชมไม่รู้สึกเบื่อ และยังได้ความรู้จากเทคนิคของภาพและการจัดวางท่าทางเพื่อให้กลมกลืนไปกับภาพด้วย
http://www.e-magazine.info/site/wp-content/uploads/2012/11/artinparadise1.jpg
ประเดิมกันที่ ห้องลวงตา เป็นห้องที่ผสานหลักการทางวิทยาศาสตร์และการนำเสนอผ่านงานศิลปะ ห้องนี้จะคล้ายๆ ห้องลับสมอง เช่นบางภาพเราอาจมองเห็นวงกลม 4 วงมีสีที่แตกต่างกันทั้งที่มีเพียงสีเดียว แต่ในความเป็นจริงนั้นเกิดจากการหักเหของลำแสงที่เกิดจากพื้นหลังและรูปทรงที่บิดเบือนการรับรู้ ส่วนห้องที่เด็กๆ มักจะชื่นชอบ ผู้ใหญ่ก็มักจะชื่นชม ก็จะมี ห้องใต้สมุทร และ ห้องแห่งสัตว์ป่า ซึ่งมีคอนเซปท์ที่คล้ายคลึงในการดึงเอาภาพวาดธรรมชาติมาเป็นจุดขายให้ผู้เข้าชมจัดท่าทางถ่ายรูปประหนึ่งเหมือนกำลังแหวกว่ายหรือไล่ล่าอยู่กับสิงสาราสัตว์ตามจินตนาการของตัวเอง
ส่วนใครที่ชอบภาพวาดที่ให้ชีวิตชีวาขึ้นมาอีกหน่อย ต้องแวะไปที่ ห้องภาพวาดศิลปินระดับโลก ที่ศิลปินเกาหลีเขาถ่ายทอดภาพวาดสวยๆ ของแวนโก๊ะหรือดาลีลงบนฝาผนังให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วม อีกห้องหนึ่งที่เผยให้เห็นถึงความอลังการในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกคือ ห้องอารยธรรม ที่นำความโดดเด่นแห่งอารยธรรมทั่วโลกมารวมไว้ด้วยกัน ทว่าห้องที่ดูจะเป็นที่นิยม ใครมาต้องแวะชมและแชะภาพคู่กับวิวสวยเสมือนจริงคือ ห้องน้ำตก และ ห้องวิวทิวทัศน์ กับฉากเด่นสะพานข้ามห้วยที่หลายคนจะมาทำท่าเดินข้ามสะพานตามสไตล์ของตัวเอง นอกจากนี้ยีงมี ห้องศิลปะแนวเหนือจริง ห้องไดโนเสาร์ และเร็วๆ นี้ ก็เตรียมจะเปิด ห้องนิทรรศการศิลปะ เพื่อนำเสนอทางเลือกใหม่ในการเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ด้วย
http://www.e-magazine.info/site/wp-content/uploads/2012/11/artinparadise41.jpg
ด้วยความที่เป็นพิพิธภัณฑ์เปิดใหม่ และทีมงานหุ้นส่วนรวมถึงทีมสร้างสรรค์ก็ใช้ทีมงานจากเกาหลีใต้ที่มีประสบการณ์ ก็เพียงพอที่จะดึงดูดเด็กๆ และวัยรุ่นไทยให้อยากไปเยี่ยมชม แต่โดยส่วนตัวของผู้เขียนนั้น อาจเป็นเพราะว่าได้ไปเยี่ยมชมในวันหยุดที่ผู้คนแออัดเบียดเสียดกัน อรรถรสในการชมจึงขาดหายไปพอสมควร บวกกับผลงานภาพวาดต่างๆ ที่จัดโชว์ ก็ไม่ได้ถึงกับทำให้ตื่นตาตื่นใจ อาจเป็นเพราะได้มีโอกาสไปชมงานศิลปะในแบบ interactive art แบบนี้ในต่างประเทศมาแล้วก็เลยมีข้อเปรียบเทียบเล็กๆ ซึ่งก็เป็นมุมมองส่วนตัว แต่แกนนำของก๊วนที่เคยได้มีโอกาสมาชม Art In Paradise ก่อนหน้านี้แล้ว เขาบอกว่า หากเป็นวันที่คนไม่มาก บรรยากาศสงบๆ การชมภาพจิตรกรรมและคิดมุมถ่ายรูปที่นี่ จะสนุกกว่าและไม่ต้องเจอกับคลื่นคนที่แย่งกันถ่ายรูปจนหามุมดีๆ ไม่เจอ ส่วนบรรยากาศโดยรวมนั้นถือว่าใช้ได้ เพราะที่นี่เขาติดแอร์เย็นฉ่ำทั้งอาคาร เดินชมนานๆ ได้สบายไม่เหนื่อย แค่ระวังว่าจะเมื่อยขาหมดแรงเพราะไปซะก่อนเท่านั้นเอง
พิพิธภัณฑ์ Art In Paradise ตั้งอยู่บน ถ.พัทยาสาย 2 สังเกต รร. ไอบิสด้านหน้า ก็จะเจอป้ายบอกทางไปพิพิธภัณฑ์ซึ่งจะอยู่ภายในซอย ให้เดินเข้าไปอีกหน่อยก็จะถึง โดยเปิดให้ชมทุกวันไม่เว้นวันหยุดตั้งแต่ 9 โมงเช้า- 3 ทุ่ม ผู้เข้าชมสามารถตีตั๋วเข้าพิพิธภัณฑ์ที่เคาเตอร์ด้านหน้า ราคาบัตรเข้าชมสำหรับคนไทย ผู้ใหญ่ 150 บาท เด็กที่ความสูงไม่เกิน 120 ซม. 100 บาท ส่วนชาวต่างชาตินั้นบัตรเข้าชม 500 บาทสำหรับผู้ใหญ่ และ 300 บาทสำหรับเด็กที่ความสูงไม่เกิน 120 ซม.
ลองเปลี่ยนจากวันหยุดอันอุดอู้ที่ต้องเดินอยู่ในกล่องแคบๆ ของห้างสรรพสินค้า มาเป็นการเปิดหู-เปิดตา ด้วยงานศิลปะดูบ้าง แม้จะเป็นช่วงเริ่มต้นของการเปิดพิพิธภัณฑ์ แต่ก็น่าจะช่วยจุดประกายความคิดให้เด็กไทยได้บ้าง เพราะความตั้งใจของผู้สร้างสรรค์นั้น น่าชื่นชมและน่าส่งเสริมจริงๆ หากมีการจัดระเบียบการเข้าชมที่ดีขึ้น และมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนภาพวาด 3 มิติให้หลากหลายขึ้นในอนาคต เชื่อว่า Art In Paradise จะเป็นสวรรค์ของการเรียนรู้อีกแห่งหนึ่งที่อยากให้คนไทยทุกคนได้ชื่นชมเช่นกัน
ลิขสิทธิ์บทความของ e-magazine.info

ทะเลบัวแดง หนองหานกุมภวาปี อันซีนแห่งสีสันธรรมชาติสร้าง



http://www.e-magazine.info/site/wp-content/uploads/2013/01/ทะเลบัวแดง2.jpg
เราๆ ท่านๆ คงเคยได้ยินชื่อของ “หนองหาน” กันมานานนม แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่สับสนหรือยังไม่รู้ว่าในภาคอีสานของเรานี้
ก็มีทั้ง “หนองหาน” สถานที่สำคัญประจำอ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี และ “หนองหาร” หนองน้ำใหญ่ที่มีตำนานผาแดงนางไอ่
และความเชื่อเรื่องพญานาคในจ.สกลนครที่ยังคงเล่าขานต่อเนื่องกันมาจนถึงทุกวันนี้
หนองหานที่เราจะพาไปเที่ยวคราวนี้ คือทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในอ.กุมภวาปี กับบางส่วนในพื้นที่อ.ประจักษ์ศิลปาคมของจ.อุดรธานี ความอุดมสมบูรณ์ของบึงหนองหานถือเป็นต้นแบบที่น่าสนใจต่อการศึกษาระบบนิเวศน์วิทยา เพราะที่นี่ชัดเจนความสัมพันธ์ระหว่างพืชพรรณและสัตว์ กลับคืนมาเป็นผลิตผลให้ชาวบ้านได้เก็บเกี่ยวเลี้ยงชีพและหล่อเลี้ยงชุมชนจนเป็นภาพวิถีชีวิตของชาวหนองหานมานานปี กาลเวลาผ่านไปวิถีชาวบ้านกลายเป็นความงดงามตามธรรมชาติในยุคที่ผู้คนโหยหาสิ่งที่เลือนหาย ในขณะที่ความอุดมสมบูรณ์ของบึงหนองหานยังคงอยู่ วงจรชีวิตของบัวแดง หรือ “บัวสาย” ที่บึงหนองหานจึงเป็นประจักษ์พยานถึงความอุดมสมบูรณ์ที่ควรค่าแก่การศึกษา นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมบัวแดงที่บึงหนองหานจึงงอกงามทั่วท้องน้ำไปไกลสุดลูกหูลูกตานับเป็นหมื่นๆ ไร่ (นี่ยังไม่ถึงครึ่งของบึงเลยด้วยซ้ำ) เพื่อที่การชม ทุ่งทะเลบัวแดง แหล่งชมทุ่งดอกไม้ตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จะได้เต็มอิ่มและเพลิดเพลินกว่าการนั่งเรือชมความงามอย่างเดียว
เรามาสัมผัสทะเลบัวแดงหนองหานภุมภวาปีตามคำบอกเล่าของคนที่มาก่อนเราและหอบความประทับใจกลับไปบอกต่อ และด้วยความที่ได้รับการโปรโมทจากททท.ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันซีนแหล่งใหม่เริ่มจะคุ้นเคยในหมู่นักท่องเที่ยว ด้วยความงามอันเป็นเอกลักษณ์ของดอกบัวที่ธรรมชาติรังสรรค์ เมื่อสีแดงอมชมพูของดอกบัวเบ่งบานขึ้นพร้อมๆ กัน ก็จะกลายเป็นภาพความงามอันวิจิตรสุดลูกลูกตาราวกับเนรมิตบนผืนผ้าใบ ขณะที่บรรยากาศโดยรอบบึงหนองหานก็สะท้อนความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งน้ำตามธรรมชาติด้วยพันธุ์ปลาน้ำจืด สายพันธุ์นกท้องถิ่น และพืชน้ำอีกจำนวนมากอันเป็นหัวใจของระบบนิเวศน์ที่หล่อเลี้ยงทะเลบัวแดงและวิถีชุมชนให้ยั่งยืนจนถึงทุกวันนี้
http://www.e-magazine.info/site/wp-content/uploads/2013/01/ทะเลบัวแดง1.jpg
หากเราเป็นคนต่างถิ่นที่หลงเข้าไปในอำเภอกุมภวาปีช่วงราวๆ กลางเดือน-ปลายเดือนธันวาคมของทุกปี เราอาจพบเห็นชาวบ้านกลุ่มใหญ่ของต.บ้านเดียม มาออกันอยู่เนืองแน่นบึงหนองหาน ก็เพราะในช่วงนี้ของทุกปีจะเป็นช่วงใกล้เวลาที่บึงหนองหานจะเปิดบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยวที่หลั่งใหลกันมาล่องเรือชม “ทะเลบัวแดง” ชาวบ้านเขาจึงเตรียมความพร้อมบึงหนองหานด้วยการร่วมแรงร่วมใจระดมเก็บสาหร่ายกลางพื้นที่นับหมื่นไร่ เพื่อให้ดอกบัวแดงโผล่พ้นน้ำเบ่งบานงดงามอวดนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ในช่วงปีใหม่ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์นั่นเอง
ในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคมของทุกปี ดอกบัวแดงในหนองหานซึ่งมีจำนวนมากจะงอกงามโผล่จากน้ำขึ้นมา โดยในเดือนตุลาคมบัวจะเริ่มแตกใบและเริ่มออกดอกตูมและบานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ บัวจะออกดอกมีปริมาณมากที่สุดในช่วงเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ และค่อยๆ ลดปริมาณลงในเดือนมีนาคม และเข้าสู่ช่วง “บัวเน่า” หรือช่วงที่บัวเก่าล้มตายกลายเป็นอาหารของบัวชุดใหม่ ช่วงนี้เองจะมี “บัวหลวง” เข้ามาผลัดเปลี่ยนให้ความงามที่ต่างออกไป แต่ชาวบ้านจะชอบใจเพราะเป็นฤดูเก็บเกี่ยวผลลิตจากบัวไปขายสร้างรายได้กลับสู่ครอบครัว ก่อนที่บัวแดงชุดใหม่จะรอวันเติบโตแผ่ใบโผล่พ้นน้ำพร้อมกับดอกตูมให้เราตั้งตารอตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม ช่วงเวลานั้นเองที่ถือว่าสัญญาณแห่งทะเลบัวแดงฤดูกาลใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
http://www.e-magazine.info/site/wp-content/uploads/2013/01/ทะเลบัวแดง3.jpg
การเดินทางไปชมทะเลบัวแดงเพื่อความเพลิดเพลินเจริญใจอย่างคุ้มค่าควรมีการวางแผนตั้งแต่การเดินทางและเวลาที่เหมาะสมในการชมด้วย ธรรมชาติของดอกบัวสายหรือบัวแดงนั้นจะบานในช่วงเช้าตรู่จนถึงเวลาประมาณ 11.00 น. ช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงเวลาที่ดอกบัวบานสวยที่สุด หากเป็นคนท้องถิ่นอุดรนั้นจะรู้ดีว่าถ้าใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองประมาณ 45 นาทีก็จะถึงบ้านเดียม แต่คนต่างถิ่นที่กลัวว่าการเดินทางจะเป็นอุปสรรค ที่ต.บ้านเดียมเขาก็เตรียมโฮมสเตย์ไว้รอต้อนรับด้วยบรรยากาศและการดูแลแบบชาวบ้านแท้ๆ
การนั่งเรือชมทะเลบัวแดงที่นี่ต้องนับว่าเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ แม้จะมีเวลาให้ชมอย่างจำกัด (ราวๆ 45 นาที- 1 ชั่วโมงครึ่ง ตามแต่ประเภทของเรือที่เราเลือก) และหากดูเผินๆ เหมือนวิวรอบๆ ตัวจะมีแต่ดอกบัวสีแดงๆ แต่หากใช้หัวใจสัมผัสเพิ่มเติมจากสองตา จะเห็นความแตกต่างหลากหลายของบัวที่เติบโต เห็นนกกระสา นกกระยาง อ้อยอิ่งดิ่งขาละเลียดปลาในบึงอย่างไม่รีบร้อนเสมือนเป็นรังของมันเอง เห็นวิถีชีวิตชาวบ้านเดียมที่ยังคงลอยเรือออกไปทำนา หาปลา ตัดอ้อย และหากเช่าเรือพิเศษที่มีบริการอาหารให้ทานบนเรือด้วยแล้วล่ะก็จะวิเศษสุดๆ เพราะเมนูรสแซ่บแบบอุดรทั้งส้มตำ ต้มยำปลาช่อน ตำไหลบัว จะยิ่งอร่อยขึ้นด้วยบรรยากาศที่หาจากบึงอื่นๆ อีกไม่ได้แล้วในตอนนี้
http://www.e-magazine.info/site/wp-content/uploads/2013/01/ทะเลบัวแดง4.jpg
และเมื่อถึงช่วงเดือนมกราคมของทุกปีที่ดอกบัวบานชูช่อแตกกอเต็มบึง ทางจังหวัดอุดรธานีเขาจะจัดเทศกาลทะเลบัวแดงบาน หนองหานกุมภวาปีขึ้นเป็นประจำ และในปีนี้ก็เช่นกัน โดยงานจะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 11-13 มกราคม ด้วยกิจกรรมสนุกๆ มากมาย อาทิ การประกวดวาดภาพและภาพถ่ายทะเลบัวแดง, การประกวดวงดนตรีโปงลาง พร้อมร่วมกันสักการะพระมหาธาตุเทพจินดาหรือพระธาตุบ้านเดียม สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองของชาวบ้านเดียมเพื่อความเป็นสิริมงคล และแถมท้ายให้เป็นพิเศษสำหรับคู่รักที่เตรียมจะเข้าพิธีวิวาห์ ที่ทะเลบัวแดงเขาเตรียมจะเนรมิตบึงตระการตาให้กลายเป็นสถานที่จัดงานสมรสหมู่ที่โรมแนติกไปด้วยสีแดงอมชมพูของดอกบัวที่รับรองความหวานไม่แพ้ที่ไหนๆ ในช่วงวันวาเลนไทน์ในเดือนกุมภาพันธ์นี้อีกด้วย
http://www.e-magazine.info/site/wp-content/uploads/2013/01/ทะเลบัวแดง5.jpg
ทะเลบัวแดงหนองหานกุมภวาปี ห่างจากจังหวัดอุดรธานี ประมาณ 45 ก.ม. การเดินทางสามารถเดินทางจากอ.เมืองอุดรธานี โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 2 (อุดรธานี-กุมภวาปี) ถึงกิโลเมตรที่ 26 เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางห้วยสามพาด-อำเภอประจักษ์ศิลปาคม ประมาณ 18 กิโลเมตร นอกจากทะเลบัวแดงแล้วที่ อำเภอกุมภวาปี และสำหรับรถประจำทาง ก็สามารถนั่งรถทัวร์กรุงเทพ-อุดรธานี แล้วไปลงที่อำเภอกุมภวาปี หลังจากนั้นก็เหมารถสองแถวในอำเภอมาเที่ยวเทศกาลดอกบัวแดง ใครที่ต้องการค้างคืนก็สามารถติดต่อบ้านพักโฮมสเตย์จากชาวบ้านได้ตลอดเวลาเช่นกัน
ลองได้ไปสัมผัสทะเลบัวแดงหนองหานกุมภวาปีกันดูสักครั้งแล้วจะเข้าใจว่า ทำไมตากล้องมือโปรทั้งหลายจึงรักที่จะมาถ่ายรูปกันนักหนา และทำไมใครที่เคยมาแล้วถึงอยากกลับมาใหม่ ถ้าไม่ใช่เพราะเสน่ห์อันเรียบง่ายของวิถีชาวบ้านเดียมที่ซ่อนไว้ภายใต้กอบัวกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้
ลิขสิทธิ์บทความของ e-magazine.info